google-site-verification: google49d119a0868d58ef.html
top of page
รูปภาพนักเขียนsiriwanpokrung

ADENO VIRUS อะดีโนไวรัส

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนเข้าสู่หน้าหนาว ปกติแล้วเชื้อไวรัสจะ อยู่ได้ทนขึ้นในอุณหภูมิต่ำ จึงพบว่าเด็กป่วยด้วย โรคระบบทางเดินหายใจเยอะขึ้น เช่น ไข้หวัด(common cold), ไข้หวัดใหญ่ (influenza) นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กป่วยเป็นไข้หวัด ติดเชื้อลงกระเพาะอาหาร และลำไส้เพิ่มขึ้น โดยเชื้อ ที่เป็นสาเหตุอีกตัวที่พบบ่อย ในช่วงนี้ คือ อะดีโนไวรัส Adenovirus

Adenovirus เป็นกลุ่มของเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการได้หลากหลาย เช่นเป็นหวัด ,ตาแดง, เส้นเสียงอักเสบ ,หลอดลมส่วนปลายอักเสบ,ปอดบวม,นอกจากนี้ยังทำให่เด็กติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร อาเจียน,ถ่ายเหลว เป็นต้น

การติดต่อ -สารคัดหลั่งจากการไอ จาม -การสัมผัสสิ่งของ ,ของเล่น ,ลูกบิดประตู ,เคาน์เตอร์,โทรศัพท์ หรือสิ่งของเครื่องใช้ที่มีเชื้อไวรัสอยู่ -ระบบทางเดินอาหาร จาก ปากสู่ ทวารหนัก (Fecooral Route) เช่น หลังเข้าห้องน้ำแล้วล้างมือไม่สะอาดพอ,การทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เป็นต้น

เด็กอายุ 6เดือน - 2 ปี พบการติดเชื้อบ่อย การติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร มักพบในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี มีการประมาณว่า เด็กส่วนใหญ่เคยติดเชื้อ Adenovirus ก่อนอายุ 10 ปีแล้ว

อาการ 1.ระบบทางเดินหายใจ จะมีอาการ หลังสัมผัสเชื่อไวรัส 2 -14 วัน น้ำมูกไหล ,เจ็บคอ,ไข้,ไอมาก,ต่อมน้ำเหลืองโต ตาแดง

2. ระบบทางเดินอาหาร จะมีอาการหลังสัมผัสเชื้อ 3-10วัน พบบ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า5 ปี และทำให้เด็กป่วยได้นานถึง 1-2สัปดาห์ ถ่ายเหลวเป็นน้ำเฉียบพลัน ไข้ ปวดท้อง อาเจียน

การตรวจเชื้อ ปัจจุบันทำได้ง่ายจากการเก็บ สารคัดหลั่งจาก ลำคอ จมูก เยื่อบุตา อุจจาระ ซึ่งสามารถทราบผลภายใน10นาที

การรักษา รักษาตามอาการ

ภาวะแทรกซ้อน พบน้อยมาก ถ้าเกิดปอดบวมอาจทำให้เป็นโรคปอดเรื้อรัง (chronic lung disease) การติดเชื้อรุนแรงพบในเดผ็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ลำไส้กลืนกัน (Intussusception)เป็นต้น

การป้องกัน สุขอนามัยส่วนบุคคล ใช้หน้ากากอนามัย เมื่อมีการไอ จาม,ล้างมือให้ถูกวิธี ก่อนรับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง

ดู 25,104 ครั้ง0 ความคิดเห็น

ความคิดเห็น


bottom of page